วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

บทที่ 1 บทนำ



บทที่ 1
บทนำ

ความเป็นมาและความสำคัญของโครงการ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีพระราชดำริและได้พระราชทานแนวคิด แนวทางการปฏิบัติ ต่างๆ ให้กับปวงชนชาวไทย เพื่อเปลี่ยนการดำเนินชีวิต ทั้งในระดับปัจเจกบุคคล ระดับชุมชน  ระดับองค์กร  ระดับรัฐ  ให้รอดพ้นจากวิกฤตและดำเนินอยู่ในสังคมได้อย่างสมดุล  มั่นคง และยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์และการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ซึ่งได้มีการนำแนวพระราชดำริต่างๆ มาจัดทำเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อันมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน  โดยเฉพาะการพัฒนาชนบท ตามแนวพระราชดำริที่เป็นต้นแบบของการนำแนวคิด  และวิธีการพัฒนาชนบทอย่างครบวงจร หรือที่เรียกว่า บริการรวมที่จุดเดียว”(ONE  STOP  SERVICES)”  เพื่อยกระดับชีวิต  ความเป็นอยู่ของประชาชนผู้ยากไร้  ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนในพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ โดยเน้นการพัฒนาด้านแหล่งน้ำการเกษตร สิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมอาชีพ ซึ่งเป็นแนวพระราชดำริที่สำคัญ  และที่ได้ทรงดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ..๒๔๙๓ เป็นต้นมาจวบจนถึงปัจจุบันนี้ โดยที่ประเทศไทยได้มีการพัฒนาหลายรูปแบบผ่านมาเป็นระยะเวลายาวนาน มีการดำเนินการที่คอยเป็นคอยไปตามลำดับขั้นตอนตามความพร้อมของแต่ละท้องถิ่นเป็นหลัก  ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนพออยู่พอกินและอยู่ได้ด้วยการพึ่งพาตนเองทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ในขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัชสมัยขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ที่พระองค์ได้พระราชทานแนวทางการดำเนินงานตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อให้องค์กรภาครัฐ และภาคเอกชน สามารถสนองพระราชดำริได้ อย่างมีประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผลเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน สอดคล้องกับแนวคิดของสหประชาชาติ ซึ่งต่อมาในปี พ..2535  สหประชาชาติได้เน้นความสำคัญการพัฒนาในสามมติ ได้แก่ มิติทางสังคม มิติทางเศรษฐกิจ และมิติทางสิ่งแวดล้อม โดยได้กำหนดให้เป็นแผนแม่บทในระดับโลกในชื่อของแผนปฏิบัติการ 21 (AGENDA 21)
จากการเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยียนพสกนิกรนับตั้งแต่ทรงขึ้นครองราชย์ ทำให้ทรงตระหนักว่าภัยแล้งและน้ำเพื่อการเกษตรและบริโภคอุปโภคเป็นปัญหาที่รุนแรงและสำคัญที่สุด การจัดการทรัพยากรน้ำและการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกและบริโภคอุปโภค นับว่าเป็นงานที่มีความสำคัญ และมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศในการช่วยให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกได้อย่างสมบูรณ์ตลอดปี ในปัจจุบันพื้นที่การเพาะปลูกส่วนใหญ่ทุกภาคของประเทศเป็นพื้นที่เพาะปลูกนอกเขตชลประทาน ซึ่งต้องอาศัยเพียงน้ำฝน และน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติเป็นหลัก ทำให้พืชได้รับน้ำไม่สม่ำเสมอตามที่ต้องการ เป็นผลให้ผลผลิตที่ได้รับไม่ดีเท่าที่ควร  การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกหรือการชลประทาน นับว่าเป็นงานที่มีความสำคัญและมีประโยชน์อย่างสำหรับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ในการช่วยให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกได้อย่างสมบูรณ์ตลอดปี ในปัจจุบันพื้นที่การเพาะปลูกนอกเขตชลประทาน ซึ่งต้องอาศัยเพียงน้ำฝนและน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติเป็นหลัก ทำให้พืชได้รับน้ำไม่สม่ำเสมอตามที่พืชต้องการ อีกทั้งความผันแปรเนื่องจากฝนตกไม่พอเหมาะกับความต้องการ เป็นผลให้ผลผลิตที่ได้รับไม่ดีเท่าที่ควร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้ความสนพระราชหฤทัยเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำมากกว่าโครงการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริประเภทอื่น ทรงให้ความสำคัญในลักษณะ น้ำคือชีวิต ดังพระราชดำรัส ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2529 ความตอนหนึ่งว่า
“...หลักสำคัญว่าต้องมีน้ำบริโภค น้ำใช้ น้ำเพื่อการเพาะปลูก เพราว่าชีวิตอยู่ที่นั่น ถ้ามีน้ำคนอยู่ได้ ถ้าไม่มีน้ำ คนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ้าคนอยู่ไม่ได้ แต่ถ้ามีไฟฟ้าไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้...”
ตั้งแต่ พ.. 2560 เป็นต้นมา โครงการตามพระราชดำริเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำและชลประทาน นับเป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้ความสำคัญเป็นพิเศษ สังเกตได้จากจำนวนโครงการและเงินงบประมาณที่ใช้ในการสนองพระราชดำริ (ซึ่งในช่วงระหว่าง พ.. 2518 - 2527 มีถึง 712 โครงการ ใช้เงินงบประมาณราว 3,513 ล้านบาท) และจากการเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรโครงเหล่านี้บ่อยครั้งทุกปี จุดประสงค์ของโครงการเหล่านี้ก็เพื่อให้มีน้ำสำหรับการเกษตร การอุปโภคบริโภค การผลิตไฟฟ้า อีกทั้งเพื่อควบคุมสภาพแวดล้อม เช่น รักษาต้นน้ำลำธารและอนุรักษ์ป่าไม้ และเพื่อบรรเทาอุทกภัย
ในการจัดการทรัพยากรน้ำนั้นทรงมุ่งขจัดปัญหาความแห้งแล้งอันเนื่องมาจากสภาพของป่าไม้ต้นน้ำเสื่อมโทรม ลักษณะดินเป็นดินปนทราย หรือการขาดแหล่งน้ำจืด การจัดการทรัพยากรน้ำโดยการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำรินั้น มีหลักและวิธีการที่สำคัญ  คือ การพัฒนาแหล่งน้ำจะเป็นรูปแบบใด ต้องเหมาะสมกับรายละเอียดสภาพภูมิประเทศแต่ละท้องที่เสมอ และการพัฒนาแหล่งน้ำต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมในด้านเศรษฐกิจ และสังคมของท้องถิ่น หลีกเลี่ยงการเข้าไปสร้างปัญหาความเดือดร้อนให้กับคนกลุ่มหนึ่ง โดยสร้างประโยชน์ให้กับคนอีกกลุ่มหนึ่ง ไม่ว่าประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจเกี่ยวกับการลงทุนนั้นจะมีความเหมาะสมเพียงใดก็ตาม ด้วยเหตุนี้การทำงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำทุกแห่งจึงพระราชทานพระราชดำริไว้ว่า ราษฎรในหมู่บ้าน ซึ่งได้รับประโยชน์จะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดิน โดยจัดการช่วยเหลือผู้ที่เสียประโยชน์ตามความเหมาะสมที่จะตกลงกันเอง เพื่อให้ทางราชการสามารถเข้าไปใช้ที่ดินทำการก่อสร้างได้ โดยไม่ต้องจัดซื้อที่ดิน ซึ่งเป็นพระบรมราโชบายที่มุ่งหวังให้ราษฎรมีส่วนร่วมกับรัฐบาล และช่วยเหลือเกื้อกูลกันภายในสังคมของตนเอง และมีความหวงแหน ที่จะต้องดูแลบำรุงรักษาสิ่งก่อสร้างนั้นต่อไปด้วย




วัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า
           1.  เพื่อศึกษาพระราชกรณียกิจด้านวิศวกรรมแหล่งน้ำและชลประทาน
           2.  เพื่อศึกษาหลักและวิธีการดำเนินงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ
           3.  เพื่อศึกษาประเภทของโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
                   -  โครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกและอุปโภค – บริโภค
                   -  โครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการรักษาต้นน้ำลำธาร
                   -  โครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการผลิตไฟฟ้า
                   -  โครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม
                   -  โครงการระบายน้ำแก้มลิง การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลตามพระราชดำริ “แก้มลิง
                   -  โครงการบำบัดน้ำเสีย
                   -  โครงการแก้ไขปัญหาน้ำแห้งแล้ง
           4. เพื่อศึกษาประโยชน์ของโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

ขอบเขตของการศึกษา
               เนื้อหาที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พระราชกรณียกิจด้านวิศวกรรมแหล่งน้ำและชลประทานประกอบด้วย
           1. พระราชกรณียกิจด้านวิศวกรรมแหล่งน้ำและชลประทาน
           2. หลักและวิธีการดำเนินงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ
           3. ประเภทของโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
               3.1 แนวทางการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อการเพาะปลูกและอุปโภคบริโภค                                                3.1.1 โครงการอ่างเก็บน้ำ
                       1) โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ประจันต์ จังหวัดเพชรบุรี
                       2) โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ยอนตอนบน อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง
                       3) โครงการอ่างเก็บน้ำคลองท่างิ้ว จังหวัดตรัง
                       4) โครงการอ่างเก็บน้ำผาน้ำหยดอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี
                   3.1.2 โครงการฝายทดน้ำ
                       1) โครงการฝายทดน้ำบ้านฆอรอราแม จังหวัดยะลา
                       2) โครงการฝายแม่งาวพร้อมระบบส่งน้ำบ้านประชาภักดี จังหวัดเชียงราย
                       3) โครงการฝายคลองช่องเรือ (อันเนื่องมาจากพระราชดำริ)
               3.2 แนวทางการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อการรักษาต้นน้ำลำธาร
                   3.2.1 ฝายต้นน้ำลำธาร
               3.3 แนวทางการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ
               3.4 หลักการระบายน้ำออกจากพื้นที่ลุ่ม โครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม
                   3.4.1 การก่อสร้างคันกั้นน้ำ
                   3.4.2 การก่อสร้างทางผันน้ำ
                   3.4.3 การปรับปรุงและตกแต่งสภาพลำน้ำ
                   3.4.4 การก่อสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำ
                      1) เขื่อนเก็บกักน้ำแม่งัดสมบูรณ์ชล
                       2) เขื่อนเก็บกักน้ำภูมิพล
                       3) เขื่อนเก็บกักน้ำสิริกิติ์
                       4) เขื่อนเก็บกักน้ำอุบลรัตน์
                       5) เขื่อนเก็บกักน้ำลำปาว
                       6) เขื่อนเก็บกักน้ำศรีนครินทร์
               3.5 หลักการของการระบายน้ำแก้มลิง การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลตามพระราชดำริ แก้มลิง
                   3.5.1 โครงการแก้มลิงในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา 
                   3.5.2 โครงการแก้มลิงในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา
                       1) โครงการแก้มลิง “แม่น้ำท่าจีนตอนล่าง
                       2) โครงการแก้มลิง “คลองมหาชัย - คลองสนามชัย
                       3) โครงการแก้มลิง “คลองสุนัขหอน
               3.6 วิธีการบำบัดน้ำเสีย
                   3.6.1 การบำบัดน้ำเสียโดยการทำให้เจือจาง หรือ “น้ำดีไล่น้ำเสีย
                   3.6.2 การบำบัดน้ำเสียโดยการ กรองน้ำเสียด้วยผักตบชวา หรือ “ไตธรรมชาติ
                   3.6.3 การบำบัดน้ำเสียโดยกระบวนการทางชีววิทยาผสมผสานกับเครื่องกลเติมอากาศแบบ “สระเติมอากาศชีวภาพบำบัด
                   3.6.4 หลักการบำบัดน้ำเสียด้วยการผสมผสานระหว่างพืชน้ำกับระบบการเติมอากาศ
                   3.6.5 หลักการบำบัดน้ำเสียด้วยระบบบ่อบำบัดน้ำเสียและวัชพืชบำบัดที่แหลมผักเบี้ย
                   3.6.6 การบำบัดน้ำเสียด้วยวิธีการเติมอากาศ “กังหันน้ำชัยพัฒนา
                   3.6.7 การบำบัดน้ำเสีย โดยกระบวนการทางฟิสิกส์ สารเร่งตกตะกอน
               3.7 แนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำแห้งแล้ง
                   3.7.1 เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
                   3.7.2 เขื่อนขุนด่านปราการชล
                   3.7.3 โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง
           4. ประโยชน์ของโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ            
            ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษาคือ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม พ.. 2559 ถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.. 2560 จำนวน 20 สัปดาห์

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
           1.  นำความรู้ที่ได้จากการศึกษาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พระราชกรณียกิจด้านวิศวกรรมแหล่งน้ำและชลประทานใช้ในดูแลและการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับน้ำได้
           2.  นำหลักและวิธีการของการพัฒนาแหล่งน้ำไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิต
           3.  ได้ข้อมูลที่เกิดความรู้จากการศึกษาไปเผยแพร่ให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะ

           4.  เป็นแนวทางในการถ่ายทอดเรื่องราวพระราชกรณียกิจ ด้านวิศวกรรมแหล่งน้ำและชลประทาน สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาต่อไป



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น